Assignment ชิ้นสุดท้าย ตามหารุ่นพี่ Idol สถาปนิก ที่จบสถาปัตย์จากลาดกระบัง
ทำให้ฉันมาคิดดูว่า Idol สำหรับฉันเป็นยังไง ฉันอยากจะเดินหน้าไปทางไหนกันแน่
แล้วฉันก็ได้รู้ว่าฉันสนุกที่สุดกับการทำอะไรในคณะ คำตอบก็คือ ฉันชอบที่จะคิด
ฉันเริ่มตามหารุ่นพี่ไปเรื่อย ๆ แต่เหมือนฟ้าบันดาล สวรรค์เป็นใจ ทำให้ฉันไม่ได้สัมภาษณ์ใครเลยจากการติดต่อรุ่นพี่กว่า 10 คน
จนกระทั่ง อ.ธีร์ ได้โทรมาแนะนำรุ่นพี่คนหนึ่งให้ฉันได้รู้จัก ซึ่งรุ่นพี่คนนี้ทำงาน ในแนวทางที่ฉันสนใจ
รุ่นพี่คนนี้ชื่อ พี่จ๋า ค่ะ
เมื่อได้สัมภาษณ์แล้ว ทำให้ฉันรู้ว่า พี่จ๋าเป็นคนทำงานที่ใส่ใจในรายละเอียด และมีความสุขกับการเป็นรูปเป็นร่างของไอเดีย
ฉันชื่นชมคนที่มีความสุขกับการทำงานมากค่ะ :)
นอกจากนี้ตอนแรกที่เห็นพี่จ๋า ก็อดคิดไม่ได้ว่านี่อายุห่างกว่าฉัน 10 ปีจริงเหรอ? ทำไมหน้าเด็กจัง ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะทำงานแล้วก็วิ้งๆ แบบพี่จ๋าบ้างค่ะ
ตามตารางแล้ว วันนี้ฉันมีนัดกับพี่จ๋าเวลาประมาณ 16.00 น. - 17.00 น. ที่ร้านกาแฟวาวี แต่เนื่องจากการจัดการเวลาที่ผิดพลาดทำให้ฉันถึงที่หมายเร็วไปหน่อย เลยทำให้ฉันได้สัมภาษณ์พี่จ๋าเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย
ฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักพี่จ๋า จากอ.ธีร์ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของฉัน ขอขอบคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)
พี่จ๋า มีชื่อว่า ปทมพร เขจรนันทน์
ตอนเลือกคณะนั้น ทั้งอันดับ 1 และอันดับ 2 พี่จ๋าเลือก สถาปัตย์ สถาปัตย์ ทั้งคู่ เป็นการเลือกที่ตั้งใจและแน่วแน่มาก :)
พี่จ๋าเข้าเรียนสถาปัตย์ลาดกระบังในปี 37
และในตอนนี้ พี่จ๋าทำบริษัทอยู่กับอาจารย์ธีร์ ชื่อบริษัทคือ let's design
ปัจจุบันพี่จ๋าทำงานออกแบบเป็นหลัก คือเป็นสถาปนิกที่ทำทั้งสถาปัตย์หลัก แล้วก็ทำอินทิเรียด้วย
ฉัน : พี่จ๋าคิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของการทำงานตรงนี้คะ
พี่จ๋า : พี่คิดว่า หนึ่งก็คือใจรัก สองก็ต้องแบบแสวงหาความรู้ คืออะไรมันมาใหม่ๆ ตลอด เอาใจใส่กับมัน แล้วก็อดทนน่ะ เพราะที่เราเรียนมามันเป็นเหมือนพื้นฐานไง ในการประกอบวิชาชีพ พอมาประกอบวิชาชีพจริงๆแล้วมันอาจจะแบบ มากมายกว่าที่เราเรียนเยอะ ต้องมาค่อยๆเรียนรู้มัน
ฉัน : คือเหมือนแบบจบไปก็ต้องมาเรียนใหม่อีกครั้งใช่มั้ยคะ
พี่จ๋า : ใช่ค่ะ ประมาณนั้นเลย
ฉัน : ขอให้พี่จ๋ายกตัวอย่างผลงานที่เป็นตัวอย่างที่ดีอ่ะค่ะ ในแง่ที่พี่จ๋าภาคภูมิใจน่ะคะ
พี่จ๋า : คือถ้าเป็นงาน Tect พวกบ้านอะไรอย่างนี้ พี่ก็จะชอบหมด มันเหมือนเราวาดในกระดาษ แล้วก็ไปรอดูหน้างานจริงอะไรอย่างเงี้ย
ฉัน : คือพี่จ๋าออกแบบด้วยแล้วก็ไปดูหน้างานด้วยเหรอคะ
พี่จ๋า : อื้อ (ขยันนะเนี่ย) คือไปดูแล้วมันแบบ ไอ้ที่เราเรียนมานี่มันแบบ น้อยมากน่ะ ที่เราเรียนในมหาลัยน่ะ มันเหมือนแค่ 20% กว่าจะเสร็จงานจริงน่ะ มันต้องประกอบกันเยอะมาก
ฉัน : ก็คือเหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของงาน แต่เราทำให้มันเกิดขึ้นจริงใช่มั้ยคะ
พี่จ๋า : อืมม
ฉัน : ตอนเด็กๆพี่จ๋าชอบเล่นอะไรรึเปล่าคะ (เล่นอะไร?) แบบ บ้านจาจา อะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ
พี่จ๋า : ไม่เลย (จริงเหรอ) อืมม
ฉัน : อ้าวงั้นตอนเด็กๆชอบทำอะไรอ่ะคะ
พี่จ๋า : ก็ชอบวาดรูปธรรมดา ตอนเอนท์ติดพี่ก็ไม่รู้หรอก ว่าสถาปัตย์นี่มันขนาดไหน พี่ก็คิดว่ามันออกแบบบ้านธรรมดา ปรากฎว่า ตอนปี 1 ก็ออกแบบบ้านเสร็จแล้วไง พอขึ้นปีต่อๆไปก็มีแบบ ออกแบบโรงพยาบาล พี่ก็ อ้าว มีด้วยเหรอ เพิ่งรู้ตอนเรียน
ฉัน : ฝ้ายตอนแรกก็ชอบวาดรูป ก็เลือกเลยคณะนี้ พอเข้ามาฝ้ายก็ เอ่อ หืมม?
พี่จ๋า : แล้วยิ่งตอนทำงานจริง มีทั้งเรื่องกฎหมายทั้งวิศวะ อะไรอย่างเงี้ย ต้องรู้บ้างน่ะ ไม่งั้นลูกค้าก็ถามๆๆ มันมากยิ่งกว่าตอนเอนท์อีกน่ะ
ฉัน : แล้วโดยมากจะเจออุปสรรคอะไรบ้างคะ
พี่จ๋า : ก็.. ส่วนใหญ่จะเหมือนกับว่า เรียนรู้น่ะ การดีลกับลูกค้า แล้วก็เรื่องหน้างาน ที่เราไม่มีประสบการณ์ บางทีเราเขียนแบบไม่เคลียร์ ไปหน้างานก็มีเรื่องดีลกับผู้รับเหมา ผู้รับเหมาก็อาจจะดูแบบเราแล้วไม่เคลียร์ เราก็ต้องคอยอธิบาย บางสิ่งเราก็ยังไม่รู้จริงๆ มันก็จะมีปัญหาหน้างาน แล้วก็เรื่องลูกค้า ความต้องการของลูกค้า ลูกค้าแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน มันก็ต้องคอยดู แบบจิตวิทยาอะไรอย่างนี้
ฉัน : แล้วพี่จ๋าคิดยังไงกับจรรยาบรรณวิชาชีพคะ
พี่จ๋า : แบบไม่ควรทำผิดกฎอะไรอย่างนี้เหรอ?
ฉัน : ก็คือคิดยังไงกับแต่ละข้อที่เค้าเขียนมา รู้สึกว่ามันล้าสมัยบ้างหรือเปล่า
พี่จ๋า : เช่นอะไรบ้างอ่ะคะ
ฉัน : ก็มีเช่น ควรซื่อสัตย์ ไม่ควรแอบอ้างไอเดียของคนอื่นมาเป็นของเราประมาณนี้
พี่จ๋า : พี่เชื่อนะ.. พี่เชื่อว่าอย่างนั้น มันควรจะเป็นอย่างนั้น คือแบบเราคิดมา มันก็ผ่านขั้นตอนมาเยอะแยะก่อนจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสก้อนนึง คือมันไม่ใช่แค่สี่เหลี่ยม มันมากกว่านั้น
ชีวิตจริงก็จะมีคนทำแหละ หรือว่าลูกค้าบางคนเค้าก็จะคิดแบบ สิ่งที่เค้าเอาไปเค้าไม่ได้ก็อปปี้ของเรานะ เค้าเอาไปเปลี่ยนแปลงนิดๆหน่อยๆ แต่จริงๆมันก็ไม่ใช่ไง มันก็มาจากของเราไง